สัจนิยมมหัศจรรย์

พิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ เขียน
Summer Panadd วาด

[To read “Magical Realism” with an introduction in English, click here.]

พิมพ์ครั้งแรก รวมเรื่องสั้น ทำลาย, เธอกล่าว สำนักพิมพ์เม่นวรรณกรรม ปี 2560


มันเป็นเวลาพลบค่ำ ในเมืองที่เชื่อได้ว่าทุกตารางนิ้วนั้นเต็มไปด้วยเรื่องเล่า เมืองที่ก่อตั้งโดยผู้กดขี่จากอีกซีกโลกหนึ่งในศตวรรษที่สิบห้า เมืองที่เคยถูกทิ้งร้างหลังแผ่นดินไหวหลายต่อหลายครั้งในศตวรรษที่สิบหก เมืองที่เป็นที่มั่นของฝ่ายเสรีนิยมในศตวรรษที่สิบแปด เมืองที่เป็นประจักษ์พยานของสงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายเผด็จการตระกูลโซโมซาและกองทัพประชาชนซานดินิสตาในช่วงสงครามเย็น

มันเป็นเวลาพลบค่ำ คุณนั่งจิบเบียร์กระป๋องโทยาอยู่คนเดียวที่ลานน้ำพุหน้าโบสถ์ที่มีชื่อเดียวกันกับชื่อเมือง แสงสุดท้ายที่สาดลงมาทำให้สถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิคอันเป็นมรดกของเจ้าอาณานิคมในภูมิภาคนี้กลายเป็นสีทองก่อนที่ท้องฟ้าจะกลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม คุณรู้ว่าหากโบสถ์หลังนี้พูดได้ มันคงมีอะไรเล่าให้คุณฟังมากมายเพราะมันอยู่ตรงนี้มาเกินสองร้อยปี มันเห็นแผ่นดินไหว, ภูเขาไฟระเบิดและสงครามกลางเมือง นาทีนั้นคุณหวังว่าคุณน่าจะพูดภาษาสเปนได้มากกว่าแค่ถามราคา, ถามทางหรือสั่งอาหาร เผื่อคุณจะได้ยินสิ่งที่มันพยายามจะพูด

มันเป็นเวลาพลบค่ำ คุณตั้งใจว่าข้าวกับถั่วแดงต้มแบบที่เรียกว่ากาโยปินโตราคาถูกและไก่ทอดหนึ่งชิ้นจะทำให้กระเพาะคุณหยุดประท้วง คุณออกเดินไปยังร้านอาหารข้างทาง เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านมา ผู้หญิงที่มีผมสีน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาสีเขียวปนน้ำตาล และมีห่วงเงินที่ปีกจมูกข้างหนึ่ง คุณรู้โดยทันทีว่าเธอไม่ใช่คนท้องถิ่น อะไรบางอย่างในตัวคุณบอกว่าเธอมาจากดินแดนที่เคยถูกปกครองใต้ปีกของพรรคคอมมิวนิสต์, ด้านตะวันออกของทวีปยุโรป, ก่อนที่โลกใบนั้นจะล่มสลายไปในช่วงต้นทศวรรษเก้าสิบ คุณรู้, แม้ว่าคุณจะไม่รู้ว่าคุณรู้ได้อย่างไร

มันเป็นเวลาพลบค่ำ คุณเดินตา่มเธอไปด้วยเหตุผลลึกลับบางอย่างที่จนทุกวันนี้คุณก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร เธอเดินผ่านหน้ามิวเซโอ เด ลา เรโวลูซิยอน, พิพิธภัณฑ์ปฏิวัติเก่าโทรมที่มีข้อความพ่นด้วยสีสเปรย์ก่นด่าจอร์จ ดับเบิลยู บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาว่าเป็นอาชญากรฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อยู่บนกำแพง คุณไม่เข้าใจภาษาสเปนแต่คุณเดาได้เพราะบางคำนั้นใกล้เคียงกับภาษาอังกฤษ เธอเดินผ่านร้านขายของที่ระลึกทำมือที่หัวมุมถนน ผ่านบาร์ในตึกเก่าที่แบ็คแพ็คเกอร์หนุ่มสาวกำลังนั่งจิบเบียร์ยี่ห้อเดียวกับกระป๋องในมือคุณ คุณแอบหวังว่าเธอจะเดินเลี้ยวเข้าไปในบาร์หนึ่ง สั่งเบียร์ และการติดตามอันไร้เหตุผลนี้จะสิ้นสุดลงเสียที คุณจะกินอาหารเย็น ดื่มเบียร์อีกสองกระป๋อง พูดคุยไร้สาระกับนักท่องเที่ยวอื่น และกลับไปนอนบนเตียงราคาสิบเหรียญสหรัฐ แต่เธอกลับเดินผ่านย่านนั้นไป เธอเลี้ยวซ้ายตรงมุมถนนที่คุณจำได้ว่าเมื่อกลางวันนั้นมีแผงขายดีวีดีเถื่อนที่มีหนังของเปโดร อัลโมโดวาร์วางกลาดเกลื่อนไร้ราคา เธอเดินไกลออกไปจากย่านนักท่องเที่ยว คุณเดินตามเธอไปทั้งที่คุณไม่แน่ใจว่าคุณจะจำทางกลับที่พักของคุณได้ และภาษาสเปนของคุณนั้นแย่เต็มทน

มันเป็นเวลาพลบค่ำ เธอเดินผ่านบ้านเรือนที่ได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมเจ้าอาณานิคม คุณยังคงเดินตามเธอไป ไม่ใกล้แต่ไม่ห่าง คุณเริ่มจำได้ว่านี่คือทางไปชายหาดที่คุณเดินมาเมื่อกลางวัน ชายหาดที่มีคลื่นซัดแรงและทรายเป็นสีเทา เมื่อตอนคุณเดินกลับมาจากชายหาด คุณเดินผ่านบ้านหญิงชราคนหนึ่ง ถามคุณว่าคุณมาจากไหน คุณไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเมื่อบอกชื่อเรียกดินแดนที่จากมา หญิงชราคนนั้นจะรู้หรือไม่ว่ามันอยู่ส่วนไหนของโลก คุณเผลอหลุดลอยไปกับความคิดในหัวคุณไม่ถึงสามสิบวินาทีก่อนที่คุณจะรู้ตัวว่าผู้หญิงคนที่คุณเดินตามมาได้หายไปจากระยะสายตาของคุณ คุณไม่แน่ใจว่าเธอเลี้ยวไปทางไหน คุณเดินตามไปดูในตรอกด้านขวามือ คุณควรจะเห็นเธอแต่คุณไม่เห็นเธอ

มันเป็นเวลาพลบค่ำ คุณพบตัวเองยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง บ้านชั้นเดียวแบบอาณานิคมที่คุณรู้ว่าการออกแบบทำให้ด้านหน้าไม่กว้างแต่ลึกเข้าไปและมีพื้นที่กลางแจ้งอยู่ข้างในเหมือนกับโฮสเทลราคาถูกที่คุณพัก คุณมองเข้าไปในบ้านผ่านประตูที่เปิดทิ้งไว้ คุณประหลาดใจที่เห็นกลุ่มผู้หญิงผู้ชายที่นั่งปรึกษาหารืออะไรบางอย่างคือคนกลุ่มเดียวกับที่คุณเห็นรูปภาพของเขาและเธอในพิพิธภัณฑ์ปฏิวัติเก่าโทรมที่ทาสีผนังชั้นบนด้วยสีชมพู รวมทั้งผู้หญิงคนจีนคนนั้น คนนำเที่ยวประจำพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นอดีตสหายเช่นกันบอกว่าเธอตายไปในสงครามปฏิวัติ คุณยืนฟังเขาและเธอคุยกันด้วยภาษาสเปนซึ่งตอนนี้คุณเข้าใจเป็นอย่างดี เขาและเธอคุยกันเรื่องการรบแบบกองโจรของกลุ่มเฟรนเต ซานดินิสตา เด ลิเบอเรซิยอน นาซิยอนนาล แผนการยึดครองประเทศจากรอบนอกจนเข้ายึดเมืองหลวงมานากัวและกำจัดเผด็จการครอบครัวโซโมซาที่ปกครองประเทศนี้มาตั้งแต่ปี ๑๙๓๖ คุณเพิ่งเข้าใจในตอนนี้ว่าพวกเขาและเธอพูดถึงสถานการณ์ก่อนปี ๑๙๗๙ คนทั้งหมดดูเครียดเคร่ง อ่อนล้า แต่ยังมีความหวังอยู่ในน้ำเสียง คุณสงสัยขึ้นมาฉับพลันว่าถ้าคนหนุ่มสาวเหล่านี้รู้ล่วงหน้าว่าวันหนึ่งตัวเองจะกลายเป็นรูปภาพขาวดำในพิพิธภัณฑ์และไม่มีวันได้เห็นชัยชนะของซานดินิสตา เขาและเธอจะยังจับอาวุธต่อสู้อยู่หรือไม่

มันเป็นเวลาพลบค่ำ คนหนุ่มในกลุ่มที่คุณได้ยินคนอื่นเรียกขานเขาว่า “เอล โปเอตา” ชายหนุ่มอายุยี่สิบสี่ปลายจากการคาดคะเนด้วยสายตาของคุณ ลักษณะเหมือนคนพื้นเมืองในแถบอเมริกากลางมากกว่าจะมีเลือดผสมจากอดีตเจ้าอาณานิคม เดินเข้าไปด้านในของตัวบ้านและกลับออกมาพร้อมไวโอลินในมือ ชายหนุ่มเอามืออีกข้างเสยผมหยักศกที่หวีเรียบไปด้านหลัง ก่อนจะเริ่มต้นสีไวโอลินเป็นเพลงรักอ่อนหวานเศร้าสร้อย คุณรู้ในทันทีว่าบทเพลงนั้นมีชื่อว่า ซี เอล วีโน เม อาเซ ญอรา – Si el vino me hace llorar คุณยืนฟังชายหนุ่มสีไวโอลินจนจบเพลง หนุ่มสาวเหล่านั้นนั่งนิ่งราวกับบทเพลง -ที่คร่ำครวญถึงความรักไม่สมหวังและชายหนุ่มที่เสียน้ำตาให้กับความรักนั้นหลังน้ำองุ่นหมักล่วงผ่านลำคอ- มีมนต์สะกดบางประการ บรรยากาศรอบข้างเงียบงันและนิ่งหนักเป็นเวลาหลายนาที หลายนาทีจนคุณนึกกลัวว่าใครบางคนในกลุ่มนั้นจะหันมาเห็นคุณที่ยืนแอบอยู่ข้างประตูเหมือนเด็กที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมวงสนทนาของผู้ใหญ่

มันเป็นเวลาพลบค่ำ ใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในตรอก ชายหนุ่มผู้มาใหม่ปรึกษาหารืออะไรบางอย่างกับชายหนุ่มนักดนตรี ก่อนทั้งคู่จะพากันเดินออกไป คุณลังเลอยู่เสี้ยววินาทีก่อนจะตัดสินใจเดินตามคนทั้งคู่ออกไปยังทางเดิมที่คุณเดินเข้ามา รถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ด้านหน้า ชายหนุ่มผู้มาใหม่เปิดประตูด้านคนขับ เอล โปเอตายกมือขึ้นลูบเรียวหนวดเหนือริมฝีปากก่อนจะเปิดประตูด้านคนนั่ง บางสิ่งบางอย่างในตัวคุณบอกให้คุณเปิดประตูด้านหลังและแทรกตัวเข้าไปนั่งท่ามกลางกองกระดาษและแผ่นผ้าที่สุมอยู่ คุณควรจะแปลกใจที่เหมือนกับว่าจะไม่มีใครรับรู้ถึงการมีอยู่ของคุณ แต่คุณก็ไม่ได้แปลกใจเท่ากับความกระวนกระวายใจอันไร้สาเหตุที่ก่อนตัวขึ้นมาเหมือนเมฆฝนกลางแดด

มันเป็นเวลาพลบค่ำ ทว่าอากาศในรถกลับหนืดข้นจนคุณแทบหายใจไม่ออก มันเป็นการเดินทางระยะสั้นที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าการเดินทางครั้งนี้จะยืดยาวไปตลอดกาลนาน ชายหนุ่มทั้งสองแทบไม่ปริปากพูดอะไรกัน นอกจากสองสามวินาทีที่เอล โปเอตา ยื่นซองจดหมายให้กับชายหนุ่มคนขับที่เอล โปเอตาเรียกชื่อเขาว่าอาร์มันโด รถยนต์คันนั้นแล่นเลยผ่านสถานที่ที่คุณพอจะจำได้เลือนรางว่ามันอาจจะเป็นพิพิธภัณฑ์อีกแห่งหนึ่งที่คุณเดินผ่านในช่วงกลางวัน รถหยุดลง ชายหนุ่มทั้งสองสวมกอดกันก่อนเอล โปเอตาจะเปิดประตูด้านคนนั่ง คุณตัดสินใจตามชายหนุ่มนักดนตรีลงไปในความสลัวของเมืองเมื่อแสงสุดท้ายได้จางหายไป

มันเป็นเวลาพลบค่ำ เอล โปเอตาเดินย้อนกลับไปยังอาคารหลังนั้นที่มีแสงไฟสาดส่องและเสียงดนตรีเต้นรำครึกครื้นแว่วมา คุณติดตามชายหนุ่มนักดนตรีไปอย่างไร้จุดหมายและพบตัวเองอยู่ในงานเฉลิมฉลองที่เต็มไปด้วยผู้คนแต่งตัวหรูหราตามแบบงานเลี้ยงตอนเย็น กลุ่มนักเต้นผิวสีที่มีถิ่นฐานอยู่ตามชายฝั่งทะเลแคริบเบียนของประเทศกำลังแสดงการเต้นรำแบบพื้นเมืองที่ตกทอดมาตั้งแต่ศตวรรษที่สิบเจ็ด คนผิวสีที่เจ้าอาณานิคมนำมาจากทวีปแอฟริกาในฐานะทาสเมื่อหลายร้อยปีก่อนยังคงรักษารากเหง้าของวัฒนธรรมดั้งเดิมบางประการไว้ คุณเพลิดเพลินไปกับการแสดงตรงหน้าก่อนที่เสียงปืนสามนัดจะดังขึ้นแหวกเสียงกลองระรัวเร่งเร้าตามแบบดนตรีแอฟริกัน ทุกอย่างรอบตัวคุณหยุดชะงักคล้ายกับภาพติดขัดที่คุณเคยเห็นในม้วนวิดีโอเก่าหมดสภาพ ชายชราที่โดนยิงด้วยกระสุนสามนัดในระยะประชิดล้มลงบนพื้นเลือดไหลรินออกมาจากรูบนหน้าอก ลมหายใจคุณขาดห้วง และในเสี้ยววินาทีที่คุณกำลังพยายามทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เสียงกระสุนไม่ต่ำกว่าสามสิบนัดจากกลุ่มชายฉกรรจ์ในเครื่องแบบทหารเดินทางอากาศผ่านเชื่องช้าโดยมีเอล โปเอตาเป็นเป้าหมาย คุณเศร้าเกินกว่าจะมองดูแต่คุณรู้ในทันทีว่านักดนตรีที่เพิ่งสีไวโอลินเพลงรักหม่นเศร้าตายไปแล้ว

มันเป็นเวลาพลบค่ำ เสียงผู้คนสับสนไม่ได้ศัพท์ หากคุณเข้าใจไม่ผิด ชายที่ล้มลงไปด้วยกระสุนสามนัดแรกคือประธานาธิบดีผู้ซึ่งปกครองประเทศด้วยระบอบเผด็จการทหารมาตลอดยี่สิบปี คุณเดินออกมาจากความโกลาหล คุณยืนอยู่ตรงนั้นชั่วขณะ มีคำถามในใจว่าคุณจะทำอย่างไรถ้าเดินกลับไปหน้าโบสถ์แล้วพบว่าพิพิธภัณฑ์ปฏิวัติที่มีภาพวาดของเช เกวาราและประโยค “ฮัสตา ลา วิคตอเรีย เซียมเปร” ที่คุณไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไรอยู่บนกำแพงกลับกลายไปเป็นคฤหาสน์ของครอบครัวโซโมซาอีกครั้ง และพลันนึกถึงผู้หญิงคนที่คุณเดินตามมา ผู้หญิงจากยุโรปตะวันออกคนนั้น คุณคิดว่าคุณคงมีบางเรื่องที่อยากจะบอกกับเธอ หากคุณจะได้พบเจอเธออีกสักครั้ง

มันเป็นเวลาพลบค่ำ คุณไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียใจ แต่มันเป็นความเศร้าที่ตกตะกอนทับถมอยู่ในห้วงลึกสุดของความตระหนักรู้ของคุณ มันเป็นความเศร้าที่เกิดขึ้นเมื่อคุณรู้ว่าคุณไร้พลังอำนาจอย่างสิ้นเชิงที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้หรือแม้แต่กระทั่งจะควบคุมชีวิตของคุณเอง คุณใช้ชีวิตเพื่อให้ชีวิตนั้นเลยผ่านไป และในที่สุดแล้วคุณจะหลงลืมไปเองว่าชีวิตของคุณนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรกับความเป็นไปต่างๆที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย คุณพลันนึกขึ้นได้ว่าจดหมายที่เอล โปเอตายื่นให้กับสหายของเขาคือจดหมายฉบับเดียวกับที่คุณเห็นมันในพิพิธภัณฑ์ปฏิวัติก่อนหน้านี้ มันเป็นจดหมายที่เอล โปเอตาเขียนถึงมารดาของเขาเพื่อปลอบประโลมเธอว่าสิ่งที่เขาทำไม่ใช่การเสียสละ สิ่งที่เขาทำเป็นเพียงหน้าที่ที่ชาวนิการากัวคนหนึ่งจะทำได้เพื่อปลดปล่อยประเทศนี้จากการกดขี่ของเผด็จการ

มันเป็นเวลาพลบค่ำ คุณเดินกลับไปตามทางเดิมเท่าที่คุณพอจำได้และพบตัวเองอีกครั้งหน้าอนุสาวรีย์ของออกุสโต ซานดิโน ผู้นำกลุ่มกบฏต่อต้านการยึดครองของสหรัฐอเมริกาช่วงปลายทศวรรษยี่สิบ ในบริเวณที่คุณจำได้ว่ามันเป็นตลาดนัดหลังโบสถ์ในช่วงเย็น คุณไม่รู้ว่าคุณควรจะรู้สึกดีใจหรือเสียใจกับหนุ่มสาวนักปฏิวัติเหล่านั้น ซานดินิสตาชนะสงครามกลางเมือง ซานดินิสตาชนะเลือกตั้ง แต่เขาและเธอไม่มีโอกาสได้เฉลิมฉลอง คุณกลับมาหากาโยปินโตราคาถูกใส่ท้อง เบียร์โทยาอีกสามขวด เข้านอนก่อนจะตื่นขึ้นมาพบว่าประเทศที่คุณเป็นพลเมืองในสังกัดเพิ่งประกาศรัฐประหารอีกครั้ง

One thought on “สัจนิยมมหัศจรรย์

Leave a comment