คำประกาศราษฎรที่เป็นมนุษย์ มิใช่ฝุ่นละอองธุลีพระบาท จดหมายถึง ร. 10

ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ปราศรัย
Summer Panadd วาด

[To read “Declaration of the People as Human, Not the King’s Dust: A Letter to Rama 10” with an introduction in English, click here.]

คำปราศรัยเมื่อวันเสาร์ที่ 19 กันยายน 2563 การชุมนุมใหญ่ #19กันยาทวงอํานาจคืนราษฎร ณ สนามราษฎร คัดจาก ฟ้าเดียวกัน ปีที่ 18 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม 2563, หน้า 183-187.


สวัสดีพี่น้องทุกคนที่มาอยู่กัน ณ ที่นี้นะคะ เราได้มายึดสนามหลวงเป็นสนามราษฎรกันได้แล้วค่ะ ขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะที่มากันในวันนี้

หลังจากวันที่ 10 ที่ผ่านมา (10 สิงหาคม 2563 การชุมนุมใหญ่ #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน จัดโดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต) สิบข้อเรียกร้องในการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ของเราก็ได้เป็นที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย นำไปสู่การถกเถียงและวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งการถกเถียงนี้ก็คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของประชาธิปไตยใช่ไหมคะทุกคน

ในวันนี้เราได้มาปลุกจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ให้กลับมารับใช้ประชาชน เราได้มายึดสนามหลวงให้เปลี่ยนเป็นสนามราษฎร ขอบคุณพี่น้องมวลชนที่มาร่วมชุมนุมกับเราและสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ร่วมไปกับเรา ด้วยอุดมการณ์ ด้วยเจตนารมณ์ ด้วยเป้าหมายที่เรามีร่วมกัน คือการไล่ระบอบประยุทธ์และการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้ได้ ใช่ไหมคะทุกคน

และในขณะนี้ เวลานี้ ในห้วงเวลาที่คนมีค่าเพียงเศษฝุ่น นักการเมือง พรรคการเมือง จะสู้แค่เรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน เราไม่เรียกว่านี่คือการสู้ค่ะ ทุกคนคะ ทุกวันนี้เราเห็นนักการเมืองหลายคน พรรคการเมืองหลายพรรค เลือกที่จะต่อสู้เฉพาะแค่เรื่องการทุจริต แต่ไม่ต่อสู้เรื่องความเป็นคน ไม่ต่อสู้กับใจกลางปัญหาสถาบันกษัตริย์

หนูขอยกตัวอย่างให้พี่น้องทุกคนได้ฟังนะคะ นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสภา ณ ขณะนี้ กรณีล่าสุดที่งบปี 64 (ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2564) ประกาศใช้ไม่ทัน ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะมีความกล้าหาญที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า เหตุผลที่ประกาศใช้ไม่ทันเป็นเพราะคนเซ็นไม่ได้อยู่ในประเทศไทย แต่กําลังเสวยสุขด้วยภาษีของประชาชนอยู่ที่เยอรมันหนูขอยกตัวอย่างให้พี่น้องทุกคนได้ฟังนะคะ นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสภา ณ ขณะนี้ กรณีล่าสุดที่งบปี 64 (ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564) ประกาศใช้ไม่ทัน ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะมีความกล้าหาญที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า เหตุผลที่ประกาศใช้ไม่ทันเป็นเพราะคนเซ็นไม่ได้อยู่ในประเทศไทย แต่กำลังเสวยสุขด้วยภาษีของประชาชนอยู่ที่เยอรมัน

นักการเมืองทุกคน พรรคการเมืองทุกพรรครู้ดีค่ะ ก็รู้ว่าประชาชนเขาเดือดร้อนกันทั้งประเทศ แต่ไม่มีใครกล้าบอกกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมาเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง บ้างก็โบ้ยว่าเป็นความผิดของประยุทธ์ จันทร์โอชา บ้างก็โบ้ยว่าเป็นความผิดของสภาที่พิจารณาไม่ทัน แต่ไม่มีใครพูดความจริงอย่างตรงไปตรงมาเลยสักคนเดียว

ลำพังเพียงข้อเท็จจริงที่ว่ากษัตริย์ไทยไม่ยอมอยู่ในประเทศไทยก็ยังไม่มีใครกล้าพูดในสภา แล้วพอกษัตริย์กลับมาไทยแต่ละครั้งก็ไม่เคยต้องกักตัว 14 วันเพื่อป้องกันโควิด-19 ส่วนจะได้ตรวจโรคกันบ้างหรือไม่ก่อนเข้าไทยก็ไม่มีใครรู้

สภาเขียนกฎหมายยกเว้นภาษีที่ดินและมรดกให้พวกเจ้าและเหล่าเครือญาติ แต่ประชาชนที่หาทรัพย์สมบัติทุกอย่างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงกลับต้องตัดส่วนหนึ่งที่ตนหามาอย่างยากลำบากเสียภาษีเพื่อไปบำเรอเหล่าเจ้าขุนมูลนาย

มีการยกเลิกที่ดินราชพัสดุหลายผืน อย่างที่ดินหลังวังสราญรมย์ที่เป็นของแผ่นดิน เป็นของประชาชนทุกคน ยกเลิกแล้วโอนที่ดินนั้นไปให้ใคร โอนไปให้เจ้าใช่หรือไม่ รู้กันทั่วค่ะ รู้กันหมด นักการเมืองรู้กันทั้งสภา ข้าราชการที่ดินรู้กันทุกคนแต่ไม่มีใครกล้าหาญพอที่จะพูดมัน ไม่มีใครกล้าหาญพอที่จะทวงคืนทรัพย์สมบัติของแผ่นดินให้กลับคืนมาเป็นของประชาชน 

คนในกระทรวงการต่างประเทศก็รู้กันดี ว่าเงินของกระทรวงต่างประเทศจำนวนมาก จำนวนมหาศาลถูกใช้ไปเพื่อซื้อที่พักอาศัยที่ปารีสให้ลูกเจ้าอยู่ นักการเมืองก็รู้เรื่องนี้ 

แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไรสักอย่าง 

ในห้วงเวลาเช่นนี้ เราหวังให้พวกคุณหยุดหมอบกราบ แล้วยืนตัวตรงด้วยกระดูกสันหลังทั้งหมดที่คุณมี 

ยังไม่สายนะคะที่จะยืนเคียงข้างประชาชน ยังไม่สายนะคะที่จะได้ทำหน้าที่เป็นผู้แทนของปวงชน ยังไม่สายค่ะที่จะทำหน้าที่เป็นผู้แทนของ “คน” เพราะถ้าคุณหมอบกราบก็ไม่ต่างจากการยืนยันว่าคุณเป็นผู้แทนของเศษฝุ่น

เราไม่ใช่เศษฝุ่นใต้เท้าใคร ใช่ไหมคะทุกคน

เราไม่ใช่เศษฝุ่นใต้ตีนใคร 

เราไม่ใช่เศษฝุ่นใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทของใคร 

เราคือคน ที่มีค่าเป็นคน เฉกเช่นเดียวกับทุกคน สถาบันกษัตริย์ กษัตริย์เองก็เป็นคนเหมือนกับเรา หนูไม่ทราบว่า 10 ข้อเรียกร้องที่หนูพูดไปเมื่อ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา คนในสถาบันกษัตริย์จะได้ทราบบ้างหรือไม่ว่า 10 ข้อเรียกร้องนี้คืออะไร หรือมันมีเพื่ออะไร ไม่รู้ว่ากษัตริย์ของเราจะเคยได้ยิน 10 ข้อเรียกร้องนี้บ้างหรือไม่ เราไม่อาจทราบได้ค่ะ เช่นนั้นแล้ว วันนี้หนูจะขอทูลเรียนพระองค์โดยตรง คำศัพท์อาจจะยากนิดนึง แต่ว่าหนูขอส่งสารโดยตรงไปยังพระมหากษัตริย์ของเราค่ะ

*

ทูลเรียน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศร ราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

กระหม่อม ชื่อนางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เป็นหนึ่งในราษฎรที่พระองค์อาจมองว่าเป็นเพียงฝุ่นละอองใต้พระบาทของพระองค์

แต่ในวันนี้ กระหม่อมจะทูลเรียนให้พระองค์ทราบว่าฝุ่นละอองธุลีอย่างเราก็มีสิทธิมีเสียง และกระหม่อมจะส่งเสียงให้พระองค์สดับในเพลานี้

กระหม่อมมิทราบว่า ในระหว่างที่พระองค์ทรงทอดทิ้งราษฎรไปประทับอยู่ประเทศเยอรมันนั้น พระองค์จะทรงทราบหรือไม่ว่าในบัดนี้ ราษฎรทั้งหลายต่างกำลังเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ และก็มิทราบด้วยว่าพระองค์เข้าพระทัยถูกต้องหรือไม่

กระหม่อมจึงจะขออธิบายให้พระองค์โดยตรงดังต่อไปนี้

ประการแรก เราขอเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญที่ว่าผู้ใดจะฟ้องร้องกษัตริย์มิได้ และเพิ่มบทบัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎรสามารถพิจารณาความผิดของกษัตริย์ เช่นเดียวกับที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับราษฎรนั้น ก็เพราะเราเห็นว่าไม่ว่าจะพระองค์หรือกระหม่อมก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน เป็นคนไทยเหมือนกัน จึงต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน หากพระองค์หรือคนอื่นๆ ในสถาบันกษัตริย์ทรงกระทำผิดกฎหมายและจะให้ไม่ถือเป็นความผิดนั้น ก็จะทรงเป็นที่ติฉินนินทาในหมู่ราษฎร ว่ากษัตริย์ประเทศเรานั้นอยู่เหนือกฎหมายและไม่มีความรับผิดชอบ

ประการที่สอง ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รวมถึงเปิดให้ประชาชนได้ใช้เสรีภาพแสดงความคิดเห็นต่อสถาบันกษัตริย์ได้ รวมถึงนิรโทษกรรมล้างมลทินให้

นักโทษ 112 ทุกคน เพราะนี่คือวิถีทางที่กษัตริย์อันทรงพระเกียรติทั่วโลกจะทำ ในยุคนี้ที่เป็นยุคแห่งประชาธิปไตย ราษฎรต้องการกษัตริย์ที่มีพระทัยกว้างขวางและรับฟังประชาชน หากไม่มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้นไซร้ ก็จะถูกติฉินนินทาว่าทรงเป็นกษัตริย์ที่มีพระทัยคับแคบ และทรง “กลัว” แม้แต่คำพูดของราษฎร

ประการที่สาม ยกเลิกพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ.2561 และให้แบ่งทรัพย์สินออกเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงการคลัง และทรัพย์สินส่วนพระองค์ที่เป็นของพระองค์เอง ข้อเรียกร้องนี้เป็นเพราะเราไม่อยากให้พระองค์ถูกครหาว่าทรงเบียดบังทรัพย์สินส่วนรวมไปใช้ส่วนตัว พระองค์ก็ทรงทราบดีว่าในรัชสมัยพระบิดาของพระองค์นั้น ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน ธุรกิจต่าง ๆ หรือแม้แต่หุ้นของ SCB นั้นเป็นของแผ่นดินที่จะให้หากำไรแต่พอควร เพื่อมาใช้ในการเฉลิมพระเกียรติ หาใช่ของส่วนตัวที่จะทรงใช้จ่ายในการเสวยสุขอยู่ประเทศเยอรมันไม่

เราไม่ได้จะละเมิดพระราชทรัพย์ของพระองค์ เพียงแต่เราไม่อยากเห็นพระองค์เสื่อมพระเกียรติเพราะไปละเมิดทรัพย์สินของแผ่นดินนั้น

ประการที่สี่ ปรับลดงบประมาณแผ่นดินที่จัดสรรให้สถาบันกษัตริย์ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ที่ต้องทูลเช่นนี้เพราะกระหม่อมไม่ทราบว่าในระหว่างที่พระองค์ประทับอยู่แดนไกลนั้น จะทรงทราบหรือไม่ว่า ราษฎรของพระองค์กำลังทุกข์ยากจากสภาวะข้าวยากหมากแพง หากพระองค์ยังทรงใช้เงินแผ่นดินสุรุ่ยสุร่าย ปีละหลายหมื่นล้านเช่นนี้ ก็จะเป็นที่ดิฉินนินทาของประชาชน ว่าทรงเสวยสุขอยู่บนหลังของราษฎร

ประการที่ห้า ยกเลิกส่วนราชการในพระองค์ หน่วยงานที่มีหน้าที่ชัดเจนให้ย้ายไปสังกัดหน่วยงานอื่น เช่นหน่วยบัญชาการรักษาพระองค์ ก็ขอให้ทรงโอนกลับคืนกองทัพบกเสีย เพราะไม่มีความจำเป็นใดเลยที่พระองค์จะจำเป็นที่จะมีกองทัพส่วนพระองค์ ในทางกลับกัน การมีกองทัพส่วนพระองค์นั้น ถ้าทหารของพระองค์มาระรานราษฎร เช่นการไปคุกคามหรือเข่นฆ่าราษฎรนั้น พระองค์ก็จะต้องทรงรับผิดชอบด้วย และนั่นจะทำให้พระเกียรติของพระองค์มีมลทินมัวหมองเสียเอง

ส่วนหน่วยงานที่ไม่จำเป็น เช่นคณะองคมนตรีนั้นให้ยุบทิ้งเสีย เพราะที่ปรึกษาเดียวที่พระองค์ควรสดับรับฟัง คือราษฎรของพระองค์เอง

ประการที่หก ยกเลิกการรับบริจาคและรับบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศล พระองค์อาจจะมีพระราชดำริสงสัยว่า เหตุใดพระองค์จึงจะรับบริจาคส่วนพระองค์มิได้ แต่ขอให้ทรงตระหนักไว้ว่าผู้บริจาคแต่ละคนที่พระองค์ได้รับล้วนเป็นนายทุนผูกขาดทั้งสิ้น และพระองค์ก็พระราชทานตราครุฑพ่าห์ซึ่งเป็นใบเบิกทางให้แก่นายทุนเหล่านั้น จะขูดรีดหรือผูกขาดอะไรก็ได้โดยมิต้องรับผิดชอบ อันจะทำให้ราษฎรติฉินนินทาพระองค์เองว่าทรงรับสินบนนายทุน

ประการที่เจ็ด ยกเลิกพระราชอำนาจในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในที่สาธารณะ ถ้าหากพระองค์เป็นประมุขของประเทศ พระองค์จะต้องเป็นประมุขของราษฎรทุกฝ่าย หากพระองค์ทรงแสดงความคิดเห็นซึ่งจะเป็นการเลือกข้าง พระองค์ยังจะได้รับ

ความศรัทธาจากราษฎรอีกฝ่ายหรือไม่

ประการที่แปด ยกเลิกการประชาสัมพันธ์และการให้การศึกษาที่เชิดชูสถาบันกษัตริย์แต่เพียงด้านเดียวจนเกินงาม เพราะแทนที่จะส่งผลให้พระองค์มีภาพลักษณ์ที่ดีงาม กลับจะเป็นข้อครหาว่าพระองค์ทรงสร้างภาพ ซึ่งมิใช่ผลดีต่อตัวพระองค์เองสักเท่าไร

ประการที่เก้า สืบหาความจริงเกี่ยวกับการสังหารเข่นฆ่าผู้ลี้ภัยและราษฎรที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบัน ในข้อนี้พระองค์อย่าได้ทรงกังวลเลย เพราะสุวรรณชาติย่อมไม่กลัวอัคคีเพลิง ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ หากพระองค์มิได้ทรงรู้เห็นกับการเข่นฆ่านายวันเฉลิม (สัตย์ศักดิ์สิทธิ์) และผู้ลี้ภัยคนอื่นๆ ก็จะได้สืบสวนหาความจริงและคืนความบริสุทธิ์ให้พระองค์เอง และพระองค์จะได้ไม่ถูกติฉินนินทาอีกต่อไป

ประการที่สิบ ห้ามมิให้ลงพระปรมาภิไธยการรัฐประหารครั้งใดอีก เพราะราษฎรอยากได้พระมหากษัตริย์ที่ปกป้องประชาธิปไตย มิใช่กษัตริย์ที่เป็นกบฏต่อประชาธิปไตยของราษฎร หากพระองค์ทรงรักประชาธิปไตย ขอให้พระองค์ทรงห้ามปรามมิให้ทหารซึ่งพระองค์เป็นจอมทัพทำการรัฐประหารทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

นี่คือเสียงของราษฎรที่อยากเห็นพระองค์ทรงสถิตอยู่ร่วมกับราษฎรภายใต้รัฐธรรมนูญระบอบประชาธิปไตย พระองค์ก็คงทราบดีว่าราษฎรทั้งประเทศต่างมองพระบรมฉายาลักษณ์ที่พระองค์ทรงฉลองพระองค์คร็อปท็อปเสด็จในห้างสรรพสินค้ากับพระสนมของพระองค์

ราษฎรเห็นแล้วได้หัวเราะอย่างขมขื่นที่พระองค์ไม่อาจเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ราษฎรได้ หากพระองค์สดับรับฟังเสียงของราษฎรบ้าง และทรงจะให้สุนัขรับใช้ของพระองค์ปฏิบัติตาม ก็จะเป็นการกู้วิกฤตศรัทธาที่มีต่อพระองค์ แต่หากพระองค์ปฏิเสธหรือมีพระราชโองการให้สุนัขรับใช้ จักรภพ ภูริเดช มาทำร้ายเรา ราษฎรจะประจักษ์ว่าพระองค์เป็นปฏิปักษ์กับราษฎร และวิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้นจะเลวร้ายอย่างมิอาจฟื้นฟู

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ราษฎรที่เป็นมนุษย์ มิใช่ฝุ่นละอองธุลีใดๆ

One thought on “คำประกาศราษฎรที่เป็นมนุษย์ มิใช่ฝุ่นละอองธุลีพระบาท จดหมายถึง ร. 10

Leave a comment