[Click here to read the poems in English translation.]
เหมือนบอดใบ้ไพร่ฟ้ามาสุดทาง
เอ้กอีเอ้ก สว่างแล้ว แก้วไก่ขัน
ดวงตะวัน ยิ้มแฉ่ง สีแดงฉาน
หมู่หมอกเหม่อ เออออ ล้อลำธาร
หยาดน้ำค้าง ค้างบ้าน จนลืมไพร
ควักข้าวเหนียว ใส่ห่อ ไปรอรับ
หวังลูกกลับ สู่บ้าน มาอยู่ใกล้
เจ็ดเดือนย่าง ต่างรู้ ต้องอยู่ไกล
แต่เทียวไป เยี่ยมเล่น ไม่เว้นวัน
เมื่อใดความ ขัดแย้ง ไม่แยกแยะ
เมื่อนั้นแพะ ก็พา กันขาสั่น
เมื่อใดช้าง ต่างชน ชิงประชัน
แลเมื่อนั้น หญ้าแพรก ก็แหลกลาญ
ร่างผอมโซ โซ่ตรวน ล่ามส่วนขา
เดินออกจาก รถมา ศาลาศาล
ผู้คุมสวม บทบาท ราชการ
ตะโกนไล่ ชาวบ้าน “อย่าจอแจ !”
ปาดน้ำตา ต่างยิ้ม ให้ลูกชาย
ลูกโบกมือ บ๋ายบาย ยิ้มให้แม่
ชะเง้อตาม สองตา เจ้าต่างแล
เชื่อมรักแท้ แม่ลูก ที่ผูกพัน
ผิดใดหนอ บักหำน้อย แม่คอยถาม
จึงถูกล่าม โซ่ขึง ตรึงไว้นั่น
ขาก็ขา น้อยน้อย เพียงแค่นั้น
จะทนดั้น เดินย่าง ได้อย่างไร
เสียงตะโกน “ลุกขึ้น” ทะมึนสั่ง
ศาลออกนั่ง บัลลังก์ ฟังปราศรัย
อัยการ อ่านเกมส์ เค็มน้ำใจ
ทนายให้ สารภาพ อย่าสู้เลย
เสียงตะโกน แต่ไกล “ผมไม่ผิด”
ศาลสั่ง “เงียบสักนิด ฟังเฉยเฉย !”
แล้วยิ้มเยาะ เคาะไม้ สะบายสะเบย
บอกเปรยเปรย มีคำสั่ง ถูกขังลืม
ชนชั้นนำ กำหนด กฎอุบาทว์
เหยียบหัวราษฎร์ ปรองดอง กันดูดดื่ม
ชนชั้นต่ำ เงินสิบ ต้องหยิบยืม
รอ “นาย” ปลื้ม เมื่อไหร่ ให้ประกัน
โรงละคร เล่นครบ เหมือนจบข่าว
กำหมัดชื้น ขื่นคาว คนขบขัน
“พวกเผาบ้าน เผาเมือง ประหารมัน”
คนดีลั่น “พวกใจสัตว์ ต้องจัดการ !”
เสียงระโยงระยาง ครางกับพื้น
กลบเสียงปืน ราชประสงค์ ไว้ตรงศาล
คนเสื้อแดง ถูกตราหน้า ว่าสามานย์
คนสั่งด้าน หัวร่อ บนหอทอง
เกาะลูกกรง คงยืน มองลูกชาย
เป็นภาพชิน ชาคล้าย ไม่เกี่ยวข้อง
ขณะที่ คนชนะ จะปรองดอง
ชาวบ้านต้อง ร้องไห้ อยู่ฮือฮือ
ภาพของหญิงชรา ตำตาศาล
เหมือนกฎหมาย ตายด้าน แต่หนังสือ
ผู้มักใหญ่ ใช้เชื่อง เป็นเครื่องมือ
เพื่อแย่งยื้อ ชอบธรรม เถื่อนอำพราง
จึงกฎหมาย กลายหมด แล้วกฎหมาย
เกิดกฎหมา มักง่าย มาสะสาง
เหมือนบอดใบ้ ไพร่ฟ้า มาสุดทาง
เลือกระหว่าง ก้มค้อม หรือยอมตาย
ประวัติศาสตร์ ต้องใช้ ชีวิตเขียน
หมุนกงเกวียน แห่งสมัย ไม่ขาดสาย
ชักธงแดง แกร่งกล้า ขึ้นท้าทาย
เถิดสหาย ปฏิวัติ โค่นรัฐโจร !
ผมรู้สึกเจ็บร้าวทุกครั้งที่เห็นชาวบ้านแก่ๆ มายืนคอยทางดูลูกชายขึ้นศาล และยิ่งเขามาถามว่า “ลูกแม่สิได้ออกมื้อได๋” มันยิ่งจุกจนพูดไม่ออกทุกที หรือนี้เราเดินมาสุดทางแล้วจริงๆ
๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๓
แม่-แห่งประชาธิปไตย
คือผู้หญิง ผู้ยืนหยัด สัจธรรม
คือผู้ก่อ วีรกรรม นำยุคสมัย
คือผู้ถาง ทางเถื่อน จนเป็นไท
ผู้สอนให้ รู้ค่า “ประชาชน”
ผู้แรมรอน นอนถนน ถูกคนหมิ่น
มือเปื้อนดิน หมายปั้นดาว พราวเวหน
หอบความหวัง มาหว่าน กลางมณฑล
หยาดเหงื่อปน หยดเลือด สะทกสะท้อน
สองมือแม่ หยาบกร้าน กรำงานหนัก
สองแก้มแม่ มีรอยหยัก ขาดพักผ่อน
สองบ่าแม่ แข็งหยาบ เพราะหาบคอน
ผิวผ่าวร้อน แดดราน มานานปี
แม่จึงแกร่ง จึงกล้า จึงทระนง
จากบ้านสู่ ราชประสงค์ ทำหน้าที่
สวมเสื้อแดง ตัวเก่า เท่าที่มี
กับตีนตบ มาตบตี กาลีเมือง
ฟ้าทะมึน เทียมฝน กลอุบาทว์
ฝนทมิฬ จึงสาด เสี้ยมฝนเหลือง
คนทโมน โยนข่าว ให้คาวเคือง
ร่วมสร้างเรื่อง ก่อการร้าย พวกคนร้าย!
จึงเล็งหัว รัวห่า กระสุนโหด
สำเร็จโทษ ลงทัณฑ์ กันง่ายง่าย
“นั่น! ไงคน ยิงเลย ยิงให้ตาย”
“นั่น! ฉิบหาย ล้มคะมำ ยิงซ้ำเลย!”
แม่วิ่งหลบ มันตามไล่ มันตามล่า
แม่วิ่งล้ม มันเตะหน้า คอมแบทเสย
ขยี้ตีน บดหน้า ฝ่าเท้าเกย
เฉกสังเวย เทวดา บัญชาการ
กระทืบทุบ ยุบท้อง แม่ร้อง “อย่า!”
กระแทกฝ่า มือแฝง แรงทหาร
แล้วลั่นไก ใส่แม่ อย่างสามานย์
ร่างแม่ราน รนดิ้น …ก่อนสิ้นใจ
เสื้อแดงซับ เลือดสาด จนสุดซับ
เสื้อแดงนับ ล้านล้าน ล้วนร่ำไห้
แม่คือ “แม่ของประชาธิปไตย”
บนโลกใหม่ ใบเก่า ที่เรารอ
แม่คือผู้ มาเพื่อ เสรีภาพ-
ที่ถูกสาป ให้สิง บนหิ้งหอ
แม้หลายผู้ บูชา อย่างบ้าบอ
ให้ชูคอ เชิดขน บนวิมาน
แม่คือผู้ พลีร่าง สร้างเสรี
แม่คือวีรชน คนกล้าหาญ
เลือดที่รด ราชประสงค์ จงจดจาร
วีรกรรม อุดมการณ์ อันเที่ยงแท้
แม่จึงสวย ด้วยงาน และหยาดเหงื่อ
แม้ร่างเถือ ปืนดาบ อาบบาดแผล
ที่สวยสวย ด้วยเสื้อ เรื่อเพชรแพร
เขาเป็นเพียง หญิงแก่ ใช่แม่เรา!
ขอคารวะจิตใจอันห้าวหาญของจิตร ภูมิศักดิ์
และ “แม่”
๖ ตุลาคม ๒๕๕๓
กลอนไพเราะ
LikeLiked by 1 person